ติดตามเรื่องราว

..เรียนรู้ จากความยาก..-
บางทีการทำให้เส้นทางสู่ความจริงคดเคี้ยวมากขึ้นสักหน่อยเพื่อให้เกิดระทางที่ยาวไกลขึ้นอาจจะเป็นสิ่งดีสำหรับชีวิตที่ต้องการเวลากับการค้นหาความหมาย นั่นล่ะ -PBL




วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ความฉลาดภายนอก(ต่อ)



ความฉลาดภายนอกต่อจากสัปดาห์ก่อนอีกอย่างคือ  ความฉลาดทางด้านสติปัญญา (Intellectuals Quotient)
ความฉลาดด้านนี้เป็นการเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ  เพื่อให้เข้าใจต่อโลกและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น  ซึ่งประกอบด้วยความรู้มากมายหลายแขนงที่จะใช้ในการดำเนินชีวิตหรือการประกอบอาชีพ    ความฉลาดด้านสติปัญญามักมองในมุมของความรู้ว่ามีมากน้อยเพียงใด   แต่การมุมมองเฉพาะด้านความรู้อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ    ความรู้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ขยายขอบเขตได้     ความฉลาดทางด้านนี้ต้องไปไกลกว่าความรู้คือไปถึงความเข้าใจ    เพราะเมื่อไปถึงความเข้าใจแล้วเราก็จะเห็นถึงความเชื่อมโยงของสิ่งต่างที่โยงใยกันอยู่  โดยที่เมื่อกระทำกับสิ่งหนึ่งก็สะเทือนถึงอีกสิ่งหนึ่ง    แล้วตอนนั้นเราจะมองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ  เหล่านั้น   ในที่สุดก็จะเกิดความยินดีและความพอใจกับความเป็นไปซึ่งจะทำให้เป็นผู้ที่มีความสุขได้ง่าย   นอกจากความเข้าใจต่อโลกและปรากฏการณ์แล้วความฉลาดด้านสติปัญญายังรวมถึงการได้เครื่องมือทั้งที่เป็นทักษะชีวิตและทักษะสำหรับอนาคต เช่นทักษะการเรียนรู้  ทักษะการคิดหลายๆ ระดับ    ทักษะทางICT  ทักษะการจัดการ  ทักษะการสื่อสาร  และ ทักษะการเป็นผู้ผลิตปัจจัยในการดำรงชีวิต เป็นต้น 
บทบาทของโรงเรียนต่อการสร้างความฉลาดด้านสติปัญญา
การออกแบบหลักสูตรและการสอนจะต้องเป็นไปเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้มากกว่าแค่การรับรู้   ออกแบบหน่วนการเรียนรู้อย่างบูรณาการ   ทั้งบูรณาการสหวิชา(เชื่อมกลุ่มสาระ) และ บูรณาการในกลุ่มสาระจะช่วยให้กระบวนการเรียนรู้เข้มแข็ง  ถ้าถามว่า “ทำไมต้องบูรณาการ ?”   เหตุผลสำคัญคือเมื่อเราแยกส่วนของสิ่งต่างๆ  เราจะพบว่าสิ่งนั้นพร่องไป  ขาดความสมบูรณ์   แม้แต่ร่างกายเราก็เช่นกัน  เช่นเมื่อเราไปตรวจวัดสายตาเราจะพบว่าตาแต่ละข้างสั้นยาวไม่เท่ากัน  แต่พอประกอบกันทั้งสองข้างก็ทำให้การเห็นสมบูรณ์ขึ้น  หรือถ้าเราวิ่งขาเดียวเฉพาะข้างที่ถนัดก็จะพบว่าเราวิ่งได้ช้ามากเมื่อเทียบกับการวิ่งสองขาที่รวมเอาข้างที่ไม่ถนัดเข้าไปด้วย   ในป่าที่มีความหลากหลายของพันธุ์พืชจะพบว่ามีความหลากหลายของพันธุ์สัตว์อยู่ด้วย  ดิน น้ำ อากาศ บริเวณนั้นก็สมบูรณ์ไปด้วย  ซึ่งจะต่างอย่างชัดเจนกับแปลงปลูกยูคาลิปตัส หรือแปลงปลูกพืชเชิงเดี่ยวอื่นๆ    วิชาความรู้ก็เช่นกันเราไม่สามารถใช้อย่างโดดๆ ได้ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องหนึ่งจำเป็นจะต้องใช้ศาสตร์ศิลป์หลายๆ อย่าง   การออกแบบหน่วยบูรณาการจะช่วยให้ผู้เรียนได้เห็นและได้ใช้ชุดความรู้ได้อย่างแท้จริงตั้งแต่ต้น
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน Problem-based learning (PBL) เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ผู้เรียนเข้าใจต่อปรากฏการณ์ต่างๆ และได้เครื่องมือที่เป็นทักษะไปพร้อมกัน   นักเรียนจะเป็นผู้ระบุปัญหาที่ประสบอยู่แล้วแสวงหานวัตกรรมเพื่อลงมือในการแก้ปัญหานั้นด้วยตนเอง
ขั้นตอนการเรียนรู้
1. การเผชิญปัญหา  จากสภาพจริง (ข้อมูลปฐมภูมิ  เป็นปัญหาที่เผชิญอยู่ในตัวคน ในชุมชน ในสังคม ที่จะส่งผลสู่อนาคต) หรือ สภาพเสมือนจริง (ข้อมูลทุติยภูมิ )
2.  การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเรียนรู้    โดยการอำนวยการให้เกิดการเรียนรู้ภายในของแต่ละคน และ  การเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สูงขึ้น  อย่างเป็นองค์รวม  ทั้งองค์รวมภายในคนคนหนึ่ง และ องค์รวมที่เชื่อมสัมพันธ์กันอยู่ในระบบใหญ่    ขั้นตอนการเรียนรู้มีดังนี้
          1.  ขั้นชง      เป็นขั้นของกระตุ้นให้เกิดการปะทะจริงทางประสาทสัมผัส   ทางความคิด หรือ ความรู้สึก โดยการสืบค้น  ทดลอง  ปฏิบัติ  เกิดความรู้ความเข้าใจระดับบุคคลจากข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ  ขั้นตอนนี้ครูต้องตั้งคำถามเก่งเพื่อจะปลุกเร้าความใคร่รู้ในตัวผู้เรียน
          2.  ขั้นเชื่อม   เป็นขั้นของการแลกเปลี่ยน และ ตรวจสอบ    เป็นการเชื่อมโยงสิ่งที่ตนเองรู้กับสิ่งที่คนอื่นรู้   ทั้งยังได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงที่แต่ละคนพบเพื่อการมองเห็นรอบด้านของข้อเท็จจริง   ขั้นตอนนี้ยังลดความอหังการ์ในตัวรู้   ในขณะเดียวกันโครงสร้างองค์ความรู้และความเข้าใจก็จะก่อขึ้นในสมอง  ในที่สุดก็จะพบคำตอบด้วยตัวเอง   ขั้นตอนนี้ครูต้องเป็นนักอำนวยการที่จะสร้างบรรยากาศให้เกิดการแลกเปลี่ยนกันอย่างแท้จริง  ไม่ผลีผลามสรุปเสียเองเพราะการทำอย่างนั้นจะเป็นการลดทอนศักยภาพการเรียนรู้ในตัวผู้เรียน 
          3.  ขั้นใช้   ซึ่งจะเป็นกระบวนการที่จะทำให้โครงสร้างความเข้าใจในสมองคมชัดขึ้น    โดยการให้ผู้เรียนตอบสนองต่อโจทย์ใหม่ทันทีหลังจากขั้นเชื่อม  เช่น  การทำภาระงานหรือชิ้นงานใหม่  การทำการบ้าน หรือการปรับใช้ในชีวิตจริง เป็นต้น    ขั้นตอนนี้ครูต้องเป็นนักสังเกตการณ์ที่สามารถมองเห็นความก้าวหน้าหรือความขัดข้องของเด็กแต่ละคน 

กรุงเทพธุรกิจ  ISSUE67  4-10 กันยายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น