ติดตามเรื่องราว

..เรียนรู้ จากความยาก..-
บางทีการทำให้เส้นทางสู่ความจริงคดเคี้ยวมากขึ้นสักหน่อยเพื่อให้เกิดระทางที่ยาวไกลขึ้นอาจจะเป็นสิ่งดีสำหรับชีวิตที่ต้องการเวลากับการค้นหาความหมาย นั่นล่ะ -PBL




วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความฉลาดทางด้านร่างกาย (Physical Quotient)


ต่อจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผมได้กล่าวถึงว่าอะไรคือความสำเร็จของการจัดการศึกษาซึ่งแยกหยาบๆ ได้เป็นสองอย่างคือปัญญาภายนอกและปัญญาภายใน   วันนี้จะขอกล่าวถึงความฉลาดทางด้านร่างกายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปัญญาภายนอกที่หมายถึงเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้สามารถดูแลและใช้กายอย่างมีคุณภาพ  มีความแข็งแรง  อดทน อวัยวะทุกส่วนทำงานอย่างสอดประสานกัน
นับย้อยจากอดีต  มนุษย์ต้องมีร่างกายแข็งแรงกำยำถึงจะอยู่รอดได้  มนุษย์เราใช้ศักยภาพทางร่างกายเพื่อหาอาหาร  สร้างที่อยู่อาศัย  หนีภัย หรือ ปกป้องตัวเอง   ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้ร่างกายต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคนในอดีต  ตื่นเช้ามาก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหาอาหาร  หรือหนีภัย  การเดินทางหรือทำกิจกรรมต่างๆ ก็มีเครื่องมือช่วยให้เบาแรง  ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของวันหมดไปกับการนั่งทำงาน  เราใช้สมองกับนิ้วมือไม่กี่นิ้ว  แน่ล่ะว่าศักยภาพทางร่างกายหลายอย่างที่ไม่ได้ถูกใช้จะลดทอนลง เช่น ความแข็งแรงของกระดูก  ความยืดหยุ่นของเส้นเอ็น  กล้ามเนื้อลีบเล็ก  ส่วนสายตาที่ใช้จับจ้องอยู่กับหน้าคอมพิวเตอร์มากขึ้นก็จะสูญเสียได้ง่ายขึ้น   พฤติกรรมชีวิตที่มีการเคลื่อนไหวน้อยลงและการกินอาหารที่ให้พลังงานสูงทำให้จำนวนคนเป็นโรคอ้วนมากขึ้น  โรคภัยที่รุมเร้าก็เป็นภาระที่ประเทศต้องระดมสรรพกำลังเข้าแก้ไข 
บทบาทของโรงเรียนต่อการสร้างความฉลาดทางด้านร่างกาย
1.       การออกแบบการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติให้ได้ใช้อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย   ทั้งในแง่ของความแข็งแรงอดทน  และ ในแง่ของการทำงานที่สอดประสานกัน   ทั้งในร่มและกลางแจ้ง  
2.       ออกแบบวิถีชีวิตในโรงเรียนให้เด็กๆ มีช่วงเวลาได้เล่นหลายๆ ช่วงเวลา  เช่น  ภาคเช้า  ช่วงพักภาคเช้า  กลางวัน และ หลังเลิกเรียน
3.       ออกแบบการสอนวิชาพละศึกษาหรือกิจกรรมให้สอดคล้องกับการต้องการการพัฒนาทางด้านร่างกายของเด็กให้เหมาะสมตามวัย   
-          วัยอนุบาลควรให้เด็กได้ออกกำลังกายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ได้แก่ ความสมดุล การทรงตัว  ความแข็งแรง ความอดทน และ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กเพื่อการทำงานที่สอดประสานกันของอวัยวะต่างๆ  กิจกรรมที่เหมาะสมได้แก่  การว่ายน้ำ  กิจกรรมประกอบจังหวะ  กายบริหาร  เกม  การวิ่งเล่น  การเล่นเครื่องเล่นสนามที่ประกอบด้วยกระบะทรายเปียก  ทรายแห้ง  กระดานทรงตัว  ราวโหนหรือเชือกโหน  ชิงช้า  และ อุโมงค์มุดซ่อน  เป็นต้น
-          ระดับประถมศึกษาตอนต้น  ให้เด็กได้ออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกายเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่ว  ควรให้เล่นกีฬาที่ไม่มีความซับซ้อนมาก
-          ระดับประถมศึกษาตอนปลายถึงระดับมัธยม  ให้เด็กได้ออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกายเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่ว  เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย  และพัฒนาทักษะทางกลไกให้ทำงานสัมพันธ์กัน  ให้เด็กได้เล่นกีฬาได้แทบทุกประเภท   
              ผมมีบทเรียนให้ต้องกลับมาใคร่ครวญในเรื่องการสอนกีฬาในโรงเรียน  สมัยผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นครูที่จบพลศึกษาโดยตรงได้สอนเราในวิชาตะกร้อไทย  ในหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์ที่เราต้องเรียนวิชานี้ครูวางขั้นตอนของกิจกรรมไว้ตามแบบแผนคือขั้นของการอบอุ่นร่างกายหรือ warm up 15 นาที  ขั้นสอนหรือสาธิต 15 นาที  ขั้นลงมือปฏิบัติ 15 นาที่  ขั้นสรุปหรือwarm down อีก 15 นาที   ในชั่วโมงหนึ่งๆ ของวิชาตะกร้อผมแทบนับได้ว่าเท้าของผมโดนลูกกี่ครั้ง  ผ่านไป 20 สัปดาห์เมื่อผมเรียนจบวิชานี้ผมไม่ได้มีทักษะการเล่นตะกร้อเพิ่มขึ้น  ไม่ได้มีเจตคติที่ดีต่อการเล่นตะกร้อเพิ่มขึ้น และผมได้มาเพียงเกรด 1     
ในโรงเรียนนอกกะลา  เราไม่นำกีฬามาแค่สอนเพื่อให้เกรด  แต่เราใช้กีฬาเป็นเครื่องมือให้เด็กๆ ได้เล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน  เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน  เพื่อเพิ่มพูนกลไกการคิดการวางแผน และ เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแรงความอดทนของร่างกาย  ที่สำคัญคือให้เด็กทุกคนได้รักในการออกกำลังกายเพื่อความมีสุขภาพดี

กรุงเทพธุรกิจ  กายใจ ฉบับที่65   21-27 สิงหาคม 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น