วัฒนธรรมเสียดาย กับ ไม้เช็ดก้น
สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
ญี่ปุ่นสูญเสียและบอบช้ำไม่น้อยไปกว่าเยอรมันและฟินแลนด์.
ความอดอยากและความยากลำบากในการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่นในช่วงนั้น
ได้สร้างชาติญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่จากความอดทนและบากบั่นทำงานหนัก
อาจจะสำผัสความรู้สึกนั้นเลาๆ ได้จากหนังเรื่อง Always ทั้ง 3ภาค
คนใน
Generation นั้นและถัดมา ถูกสั่งสอนให้ตระหนักกับคำว่า "เสียดาย"
กินและใช้อย่างประหยัด ตักข้าวเท่าที่จะกิน กินข้าวให้หมดทุกเม็ด
ใส่เสื้อผ้าจนขาดวิ่นจึงซื้อใหม่ และทำงานหนัก คุณลักษณะ
นี้มีผลอย่างมากที่ทำให้ประเทศพลิกกลับมายืนแถวหน้าทางด้านเศรษกิจของโลกได้
ภายในเวลาไม่ถึงห้าสิบปี
จนปัจจุบันลูกหลานรุ่นใหม่ของประเทศได้อยู่อย่างสดวกสะบาย
มีทรัพยากรล้นเหลือ อย่างส้วมยุคใหม่ของที่นี่แสนฉลาด
เพียงเรานั่งลงตัวมันเองจะลาดน้ำกันเปื้อนตัวเองก่อนทันที
แล้วปรับอุณหภูมิภายในโถให้อุ่นสะบายก้น
มีปุ่มเปิดดนตรีบรรเลงฟังตามแต่อารมณ์ผู้นั่ง
เสร็จสรรพมีปุ่มฉีดน้ำแบบเป็นสายน้ำกับแบบฝอยปรับแรงดันได้ตามชอบ
จบด้วยการเป่าลมอุ่นให้แห้ง
การสร้างนวัตกรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชีวิตของคนญี่ปุ่นมาไกลเกินกู่
ผมนั่งนึกว่าหากโลกพลิกผัน(ความพลิกผันของโลกเกิดขึ้นง่ายดาย)กลับไปเป็นยุค
เดิม เด็กๆ ยุคนี้จะจัดการก้นตัวเองอย่างไร
เขาจะรู้จักใช้ไม้เช็ดเหมือนยุคเด็กๆ ของผมไหมหนอ แล้วความรู้สึกที่ว่า
"เสียดาย" จะกลายเป็นเรื่องน่าอายไปหรือเปล่า
วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น