วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
จิตไหว-ใจสะเทือน
วันหนึ่งผมได้ email จากครู กับเหตุการณ์เล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่สำหรับโรงเรียนฯ เราพยายามกันเป็นแรมปีเพื่อให้นักเรียนคนหนึ่งหายจากอาการ School phobia
สวัสดีค่ะ คุณครูทุกท่าน... ครูน้อยมีเรื่อง เด็กชายบูม จะมาเล่าสู่คุณครูฟังค่ะ...
เมื่อวาน (วันพฤหัสฯ) ตอนเช้ายายหงวน (น้องยาย) มาส่งบูมและพี่สตางค์ที่โรงเรียน
บูมยอมลงจากรถโดยไม่ร้องให้งอแง และเดินมากับพี่สตางค์แต่ไม่ถึงตึกอนุบาลมาถึงแค่ใต้ต้นไผ่ (ข้างห้อง ป.1) และอยู่ตรงนั้นจนถึงเวลาเพื่อนเข้าแถว (ก่อนหน้านั้นมีคุณครูหลายคนพยายามคุยด้วยและทักทาย เช่น ครูแสง ครูภร ครูน้อย ครูแป้ง ครูใหญ่ พี่แต้ว ฯลฯ สำหรับครูบางคนบูมจะคุยด้วยนิดหน่อย บางคนบูมเดินหนี และบางคนเขาก็เฉยชาแสร้งไม่ได้ยินและไม่สนใจ)
หลังจากเพื่อนเข้าแถวเสร็จ ครูใหญ่และครูน้อยเดินตามหาบูมเพื่อจะพูดคุยกับเขาถึงชิ้นงานสนุกๆ ที่เขาจะได้ทำในวันนี้ (ใช้ชิ้นงานเพื่อดึงดูดให้เขาเข้ามาใกล้เรามากขึ้น)
มาที่ร่มไผ่ที่เขาเคยอยู่กลับไม่เจอ ไปเจอเขาวิ่งหลบอยู่ตรงพุ่มไม้ทางเข้าหน้าโรงเรียน ครูใหญ่ให้พี่ฮ้อ ป.4 ไปคุยกับบูมก่อนที่ครูใหญ่จะเดินเข้าไปหา ระหว่างนั้นครูน้อยกับใบตอง (เพื่อน อ.2) เดินไปเก็บก้อนหินเพื่อนำมาเป็นสื่อให้บูมมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมวันนี้
ครูใหญ่พาบูมเดินมาหาครูกิ๊บและเพื่อนๆ อนุบาล2 ถามเด็กๆ เกี่ยวกับกิจกรรมที่เด็กๆ ทำเมื่อวาน เด็กๆ บอกว่าได้เป่าสีสนุกมาก ครูใหญ่เล่าให้เด็กๆ ฟังเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้จากการเป่าสี และถามบูมว่า "ได้เป่าสีหรือยัง?" บูมบอกว่า "ยังไม่ได้ทำ" (เนื่องจากในวันอังคาร คุณตามาส่งและบูมร้องให้ ตาจึงพากลับบ้านด้วย) ครูใหญ่จึงถามเพื่อนๆ ในชั้นเรียนว่า "อยากให้บูมมาเรียนกับเพื่อนๆ ไหม?"
เด็กทุกคนตอบว่าอยากให้บูมมาเรียนด้วย
"บูมอยากมาเรียนกับเพื่อนๆ ไหมล่ะ" ครูใหญ่หันไปถามบูม บูมพยักหน้าตอบรับ
"เด็กๆ อยากให้บูมเข้าแถวตรงไหนดี" ครูใหญ่ถามพี่นักเรียนอนุบาล 2 เด็ก ๆ ทุกคนยินดีให้บูมเข้าแถวข้างหน้า ครูใหญ่บอกบูมว่าวันนี้จะได้เป่าสีกับครูน้อยและครูกิ๊บ ครูทุกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันต่างก็เห็นแววตาที่มีความสุขที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเพื่อนๆ
ครูน้อยกับใบตอง(เด็กผู้ชาย อ.2) ยืนดูเด็กๆ พูดคุยกับครูใหญ่ ในมือถือก้อนหินกำไว้แน่นทั้งสองคน ครูใหญ่ถามว่า วันนี้ครูน้อยจะพาเด็กๆ ทำอะไร ครูน้อยบอกว่า เมื่อสักครู่ไปเก็บก้อนหินกับพี่ใบตองเพื่อจะพาเด็กๆ ต่อเป็นรูปต่างๆ และเก็บมาฝากเพื่อนๆ ในห้องทุกคนคนละ 1 ก้อน บูมช่วยครูน้อยถือ ก้อนหินแบ่งกันคนละกำมือ ครูใหญ่บอกบูมให้ดูแลให้ดีถ้าหายไป 1 ก้อน เพื่อนจะไม่ได้ 1 คน ท่าทางบูมมีความสุข ยิ้ม ร่าเริง หลังจากนั้นแถวเด็กผู้ชายจึงเดินตามหลังครูใหญ่โดยมีบูมเป็นหัวขบวนรถไฟวันนี้
กิจกรรมพัฒนาร่างกายและสุนทรียะ ครูน้อยพา เด็กๆ ทำกิจกรรมร้องเล่นเต้นสนุก บูมยังดูแลก้อนหินโดยเก็บใส่กระเป๋า กางเกงและตั้งใจทำกิจกรรมดีมาก
เขายังเอาก้อนหินมาให้ดูทุกครั้งที่ ครูเอ่ยถามว่าก้อนหินยังอยู่ครบหรือปล่าว?? แต่วันนี้เขายังไม่ได้แจกก้อนหินให้เพื่อน เพราะครู น้อยไปช่วยครูต๋อยจัดอบรมให้ครูปฐมวัยจากโรงเรียนต่างๆ
เมื่อเจอครู น้อยในตอนเย็น บูมรีบวิ่งเอาก้อนหินมาให้ดูและบอกว่ายังไม่ได้ แจกเพื่อนและยังไม่ได้ต่อรูปภาพก้อนหิน ครูน้อยบอกบอกความจำเป็นที่ไม่ได้พาเด็กๆต่อก้อนหิน แต่ดูเหมือนบูมจะเข้าใจว่าครูน้อยไม่ว่างจริงๆ และครูกิ๊บต้องอยู่กับเด็กๆ หลายคนเลยไม่ได้พาทำกิจกรรมดังกล่าว
"พรุ่งนี้ครูน้อยอยู่กับเด็กๆ ทั้งวัน ครูน้อยจะพาต่อนะคะ บูมดูแลก้อนหินอย่าให้หายไปนะ เดี๋ยวเพื่อนจะได้ไม่ครบ และพรุ่งนี้เอามาด้วยนะ" "ครับ" บูมตอบอย่างภาคภูมิใจ
แล้ววันนี้บูมก็อยู่ในห้องได้ทั้งวัน โดยไม่มีอาการหวาดกลัวครูหรือโรงเรียน จนถึงเวลากลับบ้าน และดูเขาจะมีความสุขมากตอนที่ได้เป่าสีในในช่วงเวลาพักกลางวันซึ่งครูจัดให้เป็นพิเศษ เพื่อนๆ หลายคนมาให้กำลังใจบูมและแนะนำการเป่าสี
วันนี้ (วันศุกร์) บูมมาโรงเรียนแต่เช้า เขารีบวิ่งมาหาครูน้อยพร้อมกับโชว์ก้อนหิน บอกว่า "ผมดูแลก้อนหินไม่หายซักก้อนเลย" (ก้อนหินยังอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาเหมือนเดิม) ครูน้อยบอกว่าวันนี้จะพาต่อ ก้อนหินแต่ต้องถามกับใบตองด้วยเพราะที่เหลืออีกส่วนหนึ่งอยู่กับใบตอง แต่โชคร้ายค่ะ (...สำหรับครูน้อยคิดว่าคงโชค ดีค่ะ) เพราะใบตองบอกเพื่อนๆ ทุกคนว่าลืมเอาก้อนหินมา วันนี้เลยอดเล่นอีกแล้ว ครูน้อยเลยบอกบูมว่า "งั้นครูน้อยฝากบูมดูแลก้อนหินให้เพื่อนๆ ในวันเสาร์-อาทิตย์ และนำมาใหม่วันจันทร์นะคะ" และให้ความสำคัญกับบูมโดยให้ช่วยเตือนใบตองนำก้อนหินมาในวันจันทร์ด้วย พวกเราจะได้เล่นก้อนดินด้วยกันทุกคน
....ในสองวันนี้บูมอยู่ในชั้นเรียนกับเพื่อนๆ ตลอด แถมยังแบ่งปันข้าวกระยาสาทรให้เพื่อนๆ ได้กินกันด้วยนะคะ... ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่สองวัน แต่สำหรับครูน้อยและครูกิ๊บมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่สามารถทำให้เด็กคนหนึ่งที่กลัว โรงเรียนสามารถเผชิญกับปัญหาได้ด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน
เรื่องเล่าเล็กๆ บางทีก็อาจทำจิตถึงกับไหว ทำให้ใจต้องสะเทือน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
คุณครูสุดยอดเลยครับ เด็กๆจะต้องการอะไรไปมากกว่าคำว่ารักและเมตตาต่อเค้า เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เป็นกำลังใจให้คุณครูทุกๆท่านครับ กับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในการสร้างคนดี คนก่ง และมีคุณธรรม ให้กับประเทศของเรา
ตอบลบเราอาจจะเคยถามตัวเองว่าเราเกิดมาทำไม่ ? เกิดมาเพื่ออะไร ? แต่อีกคำถามหนึ่งที่ควรจะถามคือ เราเกิดมาแล้วเราทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง ?
ตอบลบไม่ผิดหรอกหากคนเราจะทำเพื่อตัวเอง พี่น้อง พวกพ้อง แต่จะดีว่าไหมถ้าเราได้ทำเพื่อคนอื่นด้วย และเราได้ด้วย
หากเรามองให้ดีการที่เราได้ทำเพื่อคนอื่น ตัวเราเองก็ได้ด้วยโดยอัตโนมัติ เช่น การที่ครูตั้งใจปลูกฝัง บ่มเพาะสิ่งดีงามให้ศิษย์ มองเห็นคุณค่าความสำคัญในตัวของศิษย์ทุกคน ฯลฯ เด็กๆ ก็จะได้รับการหล่อหลอมที่ดี มีความสุข ได้พัฒนาเต็มศักยภาพของตัวเอง ไม่ใช่แค่ศิษย์ได้ ครูก็ได้ด้วยเช่นกัน ได้มีงานทำ ได้เงินเดือน (ค่าวิทยฐานะ) ได้การยอมรับจากสังคม ได้ภาคภูมิใจ ได้เห็นความงอกงามของเมล็ดพันธุ์ที่ดี
ดังนั้นเราลองตอบคำถาม "เราทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง ? "
ขอเป็นกำลังใจให้กับแม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ ที่ดีต่อไป
สะเทือนถึงขั้วหัวใจจนน้ำตาซึมเลยค่ะ ขอบคุณความปรารถนาดีที่ครูมีต่อศิษย์
ตอบลบ''...ล่องลอยไปตามกระแส ไม่ว่าจะเกิดอะไร
ตอบลบแล้วปล่อยให้จิตใจเป็นอิสระอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง
ด้วยการรับรู้สิ่งที่กระำทำอยู่นั้น นี่เป็นจุดสูงสุด...''
''จิตวิญญาณครูที่แท้จริงอยู่ที่นี่นี่เองขอยกย่องคุณครูทุกท่านครับ''
อุตฯศิลป์'17