พ่อแม่นักเรียนชั้น ป.6 ประชุมกันก่อนที่ลูกจะจบ ทุกคนกำลังมองหาที่เรียนที่ดีที่สุดให้ลูก และ ส่วนใหญ่ก็ยังอยากให้ลูกเรียนที่มัธยมลำปลายมาศต่อ แต่ก็กังวลว่าลูกจะอ่อนวิชาการ แล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้
อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้ปกครองกังวลกันมากว่าลูกจะประสบผลสำเร็จไหม ทุกคนอยากให้ลูกมีอาชีพอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งนี้ก็ด้วยความรัก
ผมเลยนึกถึงบทกวีหนึ่งของ คาริบ ยิบราน
เขาเหล่านั้นเป็นบุตรและธิดาแห่งชีวิต
เขามาผ่านเธอ แต่ไม่ได้มาจากเธอ
และแม้ว่าเขาอยู่กับเธอ แต่ก็ไม่ใช่สมบัติของเธอ
เธออาจจะให้ความรักแก่เขา แต่ไม่อาจให้ความนึกคิดได้
เพราะว่าเขาก็มีความนึกคิดของตนเอง
เธออาจจะให้ที่อยู่อาศัยแก่ร่างกายของเขาได้ แต่มิใช่แก่วิญญาณของเขา
เพราะว่าวิญญาณของเขานั้น อยู่ในบ้านของพรุ่งนี้ ซึ่งเธอไม่อาจเยี่ยมเยือนได้ แม้ในความฝัน...
แต่ทั้งหมดที่พ่อแม่ปรารถนาต่อลูกก็ด้วยความรัก
ความรักอาจทำให้หัวใจตีบเล็กลงถ้ารวมเอาความรักเพื่อตัวเองเข้าไปด้วย
ความรักคือการได้มา หรือ ให้ไป
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
หมอผี
ตอนเป็นเด็ก ผมกลัวผีมาก เพราะคุณตาเป็นหมอผีจึงรู้จักผีชนิดต่างๆ จากการบอกเล่าของคุณตา เมื่อรู้ว่าผมกลัวคุณตาจึงให้คาถาไล่ผีซึ่งเป็นอักขระ 21 ตัว (นะมะพะธะนะโมพุทธายะมะระอุอิอีสาระสุจิเกรุนิ) ผมท่องคาถานั้นขึ้นใจ และมักท่องคาถานั้นบ่อยๆ หรือ ทุกครั้งที่เกิดความกลัว โดยเฉพาะตอนที่โดนผีอำ ซึ่งน่าแปลกใจมากที่มันได้ผลทุกครั้งโดยเฉพาะตอนที่โดนผีอำเมื่อท่องคาถานี้ในใจ ร่างกายจะค่อยๆ คลายออกจนเป็นปกติ
เมื่อโตขึ้นผมเริ่มเข้าใจและอธิบายปรากฏการณ์ของอาการผีอำให้กับตัวเองได้ และ เริ่มเข้าใจปรากฏการณ์ของผี ผมมีความกลัวผีน้อยลงทุกขณะเมื่ออายุมากขึ้นและในที่สุดอาจจะไม่กลัวเลย
ตอนโตนี้ผมไม่ค่อยได้กลัวผีและไม่เคยถูกผีอำเลยจึงไม่ต้องใช้คาถานั้นแล้ว
แต่บางทีเมื่อถึงวาระสุดท้าย ขณะที่ผมจะตาย ถ้าผมเกิดความกลัวอะไรสักอย่างขึ้นมา ผมคงต้องท่องคาถานั้นเป็นสิ่งสุดท้าย
การศึกษาอาจใช้เวลาเกือบทั้งหมดของวัยเด็ก แต่แท้จริงเราต้องการบางอย่างเท่านั้นที่จะอยู่กับเขาตลอดไป
เมื่อโตขึ้นผมเริ่มเข้าใจและอธิบายปรากฏการณ์ของอาการผีอำให้กับตัวเองได้ และ เริ่มเข้าใจปรากฏการณ์ของผี ผมมีความกลัวผีน้อยลงทุกขณะเมื่ออายุมากขึ้นและในที่สุดอาจจะไม่กลัวเลย
ตอนโตนี้ผมไม่ค่อยได้กลัวผีและไม่เคยถูกผีอำเลยจึงไม่ต้องใช้คาถานั้นแล้ว
แต่บางทีเมื่อถึงวาระสุดท้าย ขณะที่ผมจะตาย ถ้าผมเกิดความกลัวอะไรสักอย่างขึ้นมา ผมคงต้องท่องคาถานั้นเป็นสิ่งสุดท้าย
การศึกษาอาจใช้เวลาเกือบทั้งหมดของวัยเด็ก แต่แท้จริงเราต้องการบางอย่างเท่านั้นที่จะอยู่กับเขาตลอดไป
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
แก้คำผิด
"ทำไม่ครูโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาจึงติดโชว์ผลงานของเด็กๆ โดยไม่แก้คำผิด?" เป็นคำถามของครูที่มาเข้าอบรมหลายท่าน
จริงๆ ไม่รู้อะไรถูก
แต่เราคิดว่าการตรวจเช็คและแก้ไขโดยครูเป็นการมองจากครูฝ่ายเดียวซึ่งครูกำลังมองภาษาในรูปแบบตายตัว ไม่ยืดหยุ่น และไม่สามารถนำลองผิดลองถูกได้
การที่ครูแก้คำถูกผิดด้วยตัวแดงพรืดเต็มไปหมด อาจทำให้เด็กรู้สึกภาษาเป็นสิ่งน่ากลัว และอาจรู้สึกว่าตัวเองด้อยความสามารถจนไม่กล้าที่จะเขียนคำใหม่ๆ อีกต่อไป
มอนเตสซอรี่ก็เชื่อว่า ถึงเด็กจะเขียนผิดถูกอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อเด็กเริมอ่านหนังสือได้เขาจะตื่นตัวที่จะเช็คคำผิดคำถูกด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเขารักการอ่านและมีประสบการอ่านมากขึ้นเขาจะยิ่งกระตือรือร้นในการตรวจเช็คคำผิดด้วยตังเอง
อาจจะใช้วิธีของครูณีก็ได้ ตอนที่ตรวจงาน ครูณีแค่รวบรวมคำที่เด็กแต่ละคนเขียนผิดมาเขียนไว้มุมหนึ่งของกระดาน ให้มีโอกาสได้ใช้บางคำในจำนวนนั้นอย่างถูกต้อง แล้วหลังจากนั้นเด็กๆ ก็จะตรวจเช็กสมุดของตัวเองอย่างกระตือรือร้น
ภาษาจะเป็นสิ่งน่ารำคาญ ถ้ามันอธิบายความหมายที่อยู่ใต้บรรทัดไม่ได้
จริงๆ ไม่รู้อะไรถูก
แต่เราคิดว่าการตรวจเช็คและแก้ไขโดยครูเป็นการมองจากครูฝ่ายเดียวซึ่งครูกำลังมองภาษาในรูปแบบตายตัว ไม่ยืดหยุ่น และไม่สามารถนำลองผิดลองถูกได้
การที่ครูแก้คำถูกผิดด้วยตัวแดงพรืดเต็มไปหมด อาจทำให้เด็กรู้สึกภาษาเป็นสิ่งน่ากลัว และอาจรู้สึกว่าตัวเองด้อยความสามารถจนไม่กล้าที่จะเขียนคำใหม่ๆ อีกต่อไป
มอนเตสซอรี่ก็เชื่อว่า ถึงเด็กจะเขียนผิดถูกอย่างไรก็ได้ แต่เมื่อเด็กเริมอ่านหนังสือได้เขาจะตื่นตัวที่จะเช็คคำผิดคำถูกด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเขารักการอ่านและมีประสบการอ่านมากขึ้นเขาจะยิ่งกระตือรือร้นในการตรวจเช็คคำผิดด้วยตังเอง
อาจจะใช้วิธีของครูณีก็ได้ ตอนที่ตรวจงาน ครูณีแค่รวบรวมคำที่เด็กแต่ละคนเขียนผิดมาเขียนไว้มุมหนึ่งของกระดาน ให้มีโอกาสได้ใช้บางคำในจำนวนนั้นอย่างถูกต้อง แล้วหลังจากนั้นเด็กๆ ก็จะตรวจเช็กสมุดของตัวเองอย่างกระตือรือร้น
ภาษาจะเป็นสิ่งน่ารำคาญ ถ้ามันอธิบายความหมายที่อยู่ใต้บรรทัดไม่ได้
วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ความสำเร็จขึ้นกับเกณฑ์
ความสำเร็จขึ้นกับเกณฑ์ที่ใช้วัด
และยังขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นที่โอกาสนั้นจะเกิดขึ้น
มีคำถามที่น่าใคร่ครวญยิ่งว่า “อะไร อย่างไร ขนาดไหน คือ ความสำเร็จ”
ตอนผมเรียนมัธยมปลาย เพราะความจนผมจึงไม่มีปัญญาซื้อหนังสือประเภทอ่านเสริม คู่มือ แบบสรุปบทเรียน หรือไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนพิเศษ ผมก็เลยใช้วิธีการตั้งใจเรียนในชั่วโมง แล้วสรุปบทเรียนเองทุกครั้ง การทำอย่างนั้นทำให้ผมได้ใคร่ครวญสิ่งที่เรียนมารอบแล้วรอบเล่า ในแง่มุมที่ต่างออกไปตามช่วงเวลาที่ต่างออกไป มันทำให้ผมเข้าใจสิ่งต่างๆ มากกว่าเนื้อหาที่ได้เรียน กลับกลายเป็นว่าความขาดแคลนทำให้ผมได้พัฒนาวิธีการเรียนรู้ขึ้นมาด้วยตัวเอง ความจริงแล้ว ตอนนั้นผมคิดไม่ออกหรอกว่าจะต้องทำอย่างไร มันเป็นแค่ลูกฟลุ๊ค มันอยู่บนพื้นฐานของโอกาสหนึ่งของความน่าจะเป็นที่อาจจะเกิดกับใครก็ได้ทั้งคนที่มีปัจจัยพรั่งพร้อม หรือ คนอัตคัดขัดสน
วันนี้ผมได้รู้จักมักคุ้นกับใครบางคนทั้งที่โอกาสที่ผมจะได้รู้จักกับใครคนนั้นเพียง 1 ใน หกพันล้าน นี่ก็เป็นเพียงโอกาสหนึ่งขอความน่าจะเป็นเท่านั้น
การควบคุมโอกาสนั้นยากยิ่ง
เราอาจจะมีโอกาสน้อยมากในการที่จะทำให้เด็กแต่ละคนเป็นอย่างนั้นหรืออย่างนี้
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะสร้างโอกาสให้สิ่งที่เราอยากให้เป็นเกิดขึ้นได้เกิดขึ้น โดยการเปิดพื้นที่ให้โอกาสที่ต้องการและปิดพื้นที่สำหรับโอกาสที่ไม่ต้องการนั้นเสีย
ตัวอย่างเช่น จากคำถาม “จะทำอย่างไรไม่ให้ลูกๆ ติดเกม”
ความเป็นไปได้มากขึ้นถ้าเปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมอื่นๆ ให้เด็กๆ ทำ และในขณะเดียวกันก็ปิดพื้นที่ที่จะให้เด็กได้ใกล้ชิดเกม
แต่จะอย่างไร โอกาสที่จะเกิดยังเป็นไปได้ทุกแบบ การเข้าใจว่ามันเป็นเพียงความน่าจะเป็นอาจจะทำให้เราสบายใจมากขึ้น และตอนนั้นเราจะประจักษ์ว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้นมันเป็นก็แค่เหตุการณ์ธรรมดาๆ ที่เราสร้างเกณฑ์เข้าไปจับ
และยังขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นที่โอกาสนั้นจะเกิดขึ้น
มีคำถามที่น่าใคร่ครวญยิ่งว่า “อะไร อย่างไร ขนาดไหน คือ ความสำเร็จ”
ตอนผมเรียนมัธยมปลาย เพราะความจนผมจึงไม่มีปัญญาซื้อหนังสือประเภทอ่านเสริม คู่มือ แบบสรุปบทเรียน หรือไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนพิเศษ ผมก็เลยใช้วิธีการตั้งใจเรียนในชั่วโมง แล้วสรุปบทเรียนเองทุกครั้ง การทำอย่างนั้นทำให้ผมได้ใคร่ครวญสิ่งที่เรียนมารอบแล้วรอบเล่า ในแง่มุมที่ต่างออกไปตามช่วงเวลาที่ต่างออกไป มันทำให้ผมเข้าใจสิ่งต่างๆ มากกว่าเนื้อหาที่ได้เรียน กลับกลายเป็นว่าความขาดแคลนทำให้ผมได้พัฒนาวิธีการเรียนรู้ขึ้นมาด้วยตัวเอง ความจริงแล้ว ตอนนั้นผมคิดไม่ออกหรอกว่าจะต้องทำอย่างไร มันเป็นแค่ลูกฟลุ๊ค มันอยู่บนพื้นฐานของโอกาสหนึ่งของความน่าจะเป็นที่อาจจะเกิดกับใครก็ได้ทั้งคนที่มีปัจจัยพรั่งพร้อม หรือ คนอัตคัดขัดสน
วันนี้ผมได้รู้จักมักคุ้นกับใครบางคนทั้งที่โอกาสที่ผมจะได้รู้จักกับใครคนนั้นเพียง 1 ใน หกพันล้าน นี่ก็เป็นเพียงโอกาสหนึ่งขอความน่าจะเป็นเท่านั้น
การควบคุมโอกาสนั้นยากยิ่ง
เราอาจจะมีโอกาสน้อยมากในการที่จะทำให้เด็กแต่ละคนเป็นอย่างนั้นหรืออย่างนี้
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะสร้างโอกาสให้สิ่งที่เราอยากให้เป็นเกิดขึ้นได้เกิดขึ้น โดยการเปิดพื้นที่ให้โอกาสที่ต้องการและปิดพื้นที่สำหรับโอกาสที่ไม่ต้องการนั้นเสีย
ตัวอย่างเช่น จากคำถาม “จะทำอย่างไรไม่ให้ลูกๆ ติดเกม”
ความเป็นไปได้มากขึ้นถ้าเปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมอื่นๆ ให้เด็กๆ ทำ และในขณะเดียวกันก็ปิดพื้นที่ที่จะให้เด็กได้ใกล้ชิดเกม
แต่จะอย่างไร โอกาสที่จะเกิดยังเป็นไปได้ทุกแบบ การเข้าใจว่ามันเป็นเพียงความน่าจะเป็นอาจจะทำให้เราสบายใจมากขึ้น และตอนนั้นเราจะประจักษ์ว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้นมันเป็นก็แค่เหตุการณ์ธรรมดาๆ ที่เราสร้างเกณฑ์เข้าไปจับ
การควบคุม
เมื่อแรกเกิด......
เด็กๆ ได้เรียนรู้ที่จะหัดพูด และ ทำสิ่งต่างๆ
เมื่อเข้าเรียน....
โรงเรียนกลับพยายามให้เขาอยู่นิ่งๆ และ หุบปาก
"การควบคุมชั้นเรียน" กับ "การจัดการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้" นั้นต่างกัน
อย่างแรกจะมีแต่ความเงียบที่บ่มเพาะความรู้สึกสยบยอมเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม แต่อย่างหลังจะมีทั้งความวุ่นวายโกลาหล และ ความสงบลึก เพื่อให้สมองสมองได้ทำงานครบทั้งสามส่วน
คิดถึงเป้าหมายก่อนวิธี
ทำอย่างไรที่จะให้เด็กได้เรียนรู้ สำคัญกว่าจะควบคุมเขาอย่างไร
เด็กๆ ได้เรียนรู้ที่จะหัดพูด และ ทำสิ่งต่างๆ
เมื่อเข้าเรียน....
โรงเรียนกลับพยายามให้เขาอยู่นิ่งๆ และ หุบปาก
"การควบคุมชั้นเรียน" กับ "การจัดการเพื่อให้เกิดการเรียนรู้" นั้นต่างกัน
อย่างแรกจะมีแต่ความเงียบที่บ่มเพาะความรู้สึกสยบยอมเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม แต่อย่างหลังจะมีทั้งความวุ่นวายโกลาหล และ ความสงบลึก เพื่อให้สมองสมองได้ทำงานครบทั้งสามส่วน
คิดถึงเป้าหมายก่อนวิธี
ทำอย่างไรที่จะให้เด็กได้เรียนรู้ สำคัญกว่าจะควบคุมเขาอย่างไร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)