ญี่ปุ่น
ฤดูร้อน ปี 2014
ณ
ร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง Sendai หลังสถานีรถไฟชินคันเซ็น
(ใกล้โรงแรม ANAHoliday ที่เราพัก) เมืองที่ผ่านโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จากเหตุสึนามิถล่มชายฝั่งเมื่อ
2012
ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 15,000 คน ร้านเหล้าเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในตรอกนั้นเล็กจนแขกทั้งแปดคนนั่งเบียดกันรายรอบเคาท์เตอร์รูปตัวแอลหน้าเตาปิ้งบาร์บีคิวของพ่อครัวซึ่งก็เป็นเจ้าของร้านด้วย
ตอนที่ผมเข้าไปนั้นมีที่ว่างอยู่พอดีกับแขกอีกหกคนที่นั่งอยู่ก่อน
ซึ่งพวกเขาก็ล้วนแต่ต่างคนก็ต่างมา ผมรู้สึกขัดเขินนิดๆ
ตอนที่จะนั่งลงไปชิดกับคนแปลกหน้า เจ้าของร้านและภรรยาของเขาซึ่งทำหน้าที่บริกรกับผู้ช่วยซึ่งยังหนุ่มกระทงต่างก็กล่าวคำทักทายสวัสดีผมเสียงดังพร้อมกับค้อมคำนับอย่างนอบน้อม
คนในร้านอีกหกคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆ หน้าเคาร์เตอร์ก็หันมาค้อมคำนับเล็กๆ
ส่งสัญญาณอย่างมีไมตรี ผมเอื้อนเอ่ยทักทายตอบ กุ๊กเจ้าของร้านอายุสักสามสิบเศษยื่นเมนูมาวางอยู่ตรงหน้าผมและเฝ้ารอ เมนูภาษาญี่ปุ่นย่อมไร้ประโยชน์สำหรับผม ผมถามถึงสาเกที่เป็นต้นตำหรับของพื้นถิ่นที่นี่จากขวดสาเกเปล่าที่ตั้งโชว์อยู่บนชั้นติดผนังกว่าสิบชนิด กุ๊กเจ้าของร้านสีหน้าจริงจังตั้งหน้าตั้งตารอฟังอย่างใส่ใจเขาทำท่าครุ่นคิดคำนึงอยู่สักพัก เขาก้มลงเปิดช่องของตู้แช่สาเกเย็นแล้วก็ยกขวดสาเกแช่เย็นขนาดเบอเริ่มเทิ่มออกมาพร้อมใบหน้าปาดรอยกระหยิ่มยิ้มย่อง เขาทำท่าลูบคลำอย่างทะนุถนอมพร้อมกับทำเสียงครางในลำคอตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่นก่อนจะสาธยายเป็นภาษญี่ปุ่นยาวปรื๋อ
ผมยิ้มส่งสายตาบอกว่าไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าให้ ผมบอกเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ว่าขอลองสักแก้วพร้อมกับทำมือทำไม้ประกอบ
พ่อครัวยิ้มอย่างปลื้มใจสุดๆ
แล้วหยิบแก้วสาเกขนาด 200cc
ขึ้นมาเทใส่จนเต็ม
ตาผมลุกโชนด้วยเพิ่งรู้แน่ชัดว่า เราคงเข้าใจผิดกันอย่างมหันต์เพราะผมหมายถึงแก้วเล็กๆ
สักหนึ่งกรึ๊บเหมือนในหนังจีนนั่นต่างหาก ผมถามว่ามีเล็กกว่านี้ไหม เขาบอกว่ามีแบบเดียวราคาแก้วละสี่ร้อยเยน ดูเหมือนแขกทั้งร้านก็แอบมองผมกับพ่อครัวอย่างสงสัยใคร่รู้อยู่เช่นเดียวกัน กลิ่นสาเกหอมเย้ายวนตามแบบของสาเกเชื้อชวนให้ต้องดม รสชาติอันละมุนละไมไม่บาดคอยิ่งให้น่าหลงใหล พ่อครัวที่เฝ้าดูสีหน้าผมอยู่ก็ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นใบหน้าอันผ่อนคลายอย่างพึงพอใจของผมหลังจากจิบไปอึกใหญ่ เขาหันไปย่างบาร์บีคิวในเตาเล็กๆ
ให้กับแขกที่สั่งไว้ก่อนหน้าด้วยรอยยิ้ม
เตาถ่านอ่อนๆ ซึ่งอยู่ห่างใบหน้าผมซักแขนหนึ่งส่งเสียงฉู่ฉี่ สี กลิ่น บาร์บีคิว เนื้อไก่ หมึก ของเขาดูน่ากินอย่างสุดจะบรรยาย กระบวนท่าที่เขาสลัดเกลือใส่บาร์บีคิวก็ออกจะพิสดารคล้ายดั่งซามูไร
(บูชิโด) ตวัดดาบจาโตะ ลีลาอย่างนั้นกลับทำให้เกลือจึงถูกสลัดทิ้งเสียมากกว่า
แต่บางคราผมพานให้นึกถึงลีลาของศิลปินที่กำลังปาดสีลงบนผืนผ้าใบเสียมากกว่าการกำลังปรุงบาร์บีคิว สาเกแก้วแรกจึงหมดไปอย่างง่ายดายทั้งงดงาม
พ่อครัวหลังจากย่างบาร์บีคิวสุกพองาม ก็บรรจงจัดใส่จานพร้อมมีใบไม้ประดับ ภรรยาเป็นผู้ยกเสิร์ฟอย่างนอบน้อมพร้อมรอยยิ้มอันอิ่มเอิบ
ตอนนั้นผมคิดในใจว่าคนสั่งคงไม่อยากกินมากไปกว่าอยากมาอุดหนุนพ่อครัวหันมาชี้ชวนสาเกพิเศษรสใหม่ของเขา
ผมก็ยอม ขวดเบอเริ่มเทิ่มที่เขายกมาวางหน้าผมดูฉ่ำไปด้วยเกล็ดความเย็น ฉลากสีแดงที่มีตัวหนังสือสีส้มอมชมพูก็รู้สึกได้ว่าน่าจะมีรสชาติพิเศษ เขายังรินให้ผมจนเต็มแก้วขนาด 200 cc รสชาติของขวดนี้กลิ่นหอมคล้ายเหล้าบ๊วยเสียมากกว่าแต่ด้วยปริมาณแอลกอฮอร์สักสิบสี่เปอร์เซ็นต์และติดรสหวานทำให้แก้วที่สองสองนี้ลื่นไหลด้วยอรรถรสที่ต่างออกไป
มีแขกบางคนบอกเช็คบิลกลับ ภรรยานำบิลใส่ถาดใบเล็กๆ มาโค้งให้สามีดูก่อนแล้วจึงอ้อมไปลงนั่งคุกเข่าให้แขกตรวจดูรายการและราคาด้วยท่าทีที่นอบน้อม
เมื่อเช็คบิลเสร็จทั้งพ่อครัว ผู้ช่วยพ่อครัว
และภรรยาพ่อครัวก็กล่าวขอบคุณเสียงดังพร้อมกับตามไปส่งที่หน้าร้าน
ผมได้ยินเสียงกล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าดังลอดมาจากหน้าร้าน
แขกผู้ชายแต่งตัวดีคนหนึ่ง
เหมือนกับจะพูดเรื่องผมกับพ่อครัวก่อนที่จะหันมาทักทายผม เขาพูดภาษาอังกฤษอย่างกระท่อนกระแท่นเช่นกัน เขาชี้ชวนให้ชิมอีกแบบ คราวนี้ขวดสีดำดูหนักแน่น
กลิ่นหอมของมันละมุนเหมือนขวดแรก แต่น่าจะแรงกว่า ก่อนที่ผมจะดื่มพ่อครัวยื่นบาร์บีคิวเสียบไม้ชิ้นขนาดพอคำมาตรงหน้าผมพร้อมกับเอ่ยเป็นคำสั้นว่า
Present ก่อนที่เขาจะอธิบายเพิ่มอย่างอยากเย็นที่ผมจะเข้าใจว่านี่สำหรับคนไทยคนแรกที่ได้มากินที่ร้านเขาอธิบายต่อว่าบาร์บีคิวไม้นี้ทำจากเนื้อด้านข้างของน่องไก่หมักสูตรของเขาเอง ผมลองชิมด้วยสายตาเว้าวอนรอดูของเขา เนื้อนุ่ม หอมออกรสอุมามิ รอยยิ้มตอนผมเคี้ยว
ยิ่งทำให้พ่อครัวคนนั้นพอใจยิ่ง
ตลอดเวลาที่ผมนั่งอยู่
ผมจะได้ยินเสียงพูดจากันอย่างคุ้นเคย แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อมต่อแขกทุกคน
ทุกจานอาหารทุกแก้วที่เสิร์ฟ เต็มไปด้วยความใส่ใจด้วยสนนราคาที่ไม่แพง ร้านอยู่ในตรอกเล็กๆ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศของความรู้สึกอบอุ่น คืนนั้นจึงตราตรึงใจยิ่ง ผมไม่รู้ว่าดื่มไปกี่แก้ว กี่ชนิด
แต่ทุกแก้วล้วนน่าจดจำ
ตอนที่ผมออกมาทั้งพ่อครัวและภรรยาตามออกมาส่ง ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ท่าทีการตอบรับออกจะจริงจังและใส่ใจของพ่อครัวทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเราคือคนสำคัญ
หัวใจบริการอยู่ในสายเลือด ความเคารพต่อกันมีอยู่ในสายเลือด รากเหง้าที่มาจากการสั่งสมของบรรพบุรุษเมื่อหลายพันปีมาแล้ว การศึกษาของเขาอาจไม่ได้สร้างสิ่งนี้ แต่วัฒนธรรมของเขาสร้างการศึกษาที่จะธำรงสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ยาวนานได้ความมีวินัยของคนในชาตินี้เป็นที่เลื่องลือ กินเสร็จแล้ว ไม่ว่าอยู่ไหนโดยเฉพาะในที่สาธารณะต้องจัดการกับขยะเอง เดินชิดซ้ายเสมอให้คนรีบร้อนกว่าได้แซงขวา เข้าคิวเสมอแม้จะดูเป็นแถวที่วุ่นวาย แต่ทุกคนกับรู้ว่าตนเองต้องต่อใคร ตรงเวลาเสมอ
อย่างที่รถไฟชินคันเซนบางสถานีจอดรับคนเพียงสองนาทีโดยที่รถไฟเองก็มาถึงตรงเวลาและออกตรงเวลา
เคยมีคนบอกว่าไม่จำเป็นอย่าถามทางกับคนญี่ปุ่น ผมพิสูจน์ด้วยตนเองพบว่า
พวกเขาล้วนแต่ใส่ใจกุลีกุจอกับความทุกข์ของเราจนเกินไป
นี่กระมังที่อาจทำให้คนที่ถูกถามเองต้องลำบากตอนที่จับรถชินคันเซนจากเซนไดมาโตเกียวราวสองชั่วโมงกว่า เมื่อมาถึงสถานีโตเกียวซึ่งเป็นศูนย์รวมรถไฟคล้ายหัวลำโพงของไทยแต่ใหญ่มาก
มีหลายชั้น ผมต้องต่อรถไฟไปสนามบินนาริตะ ซึ่งต้องอีกราวชั่วโมงเศษ ในนั้นมีที่อยู่ที่กินที่ชอปปิ้งเต็มไปหมด
การจะหาชานชาลารถไฟสักสายไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับผู้ที่มาครั้งแรก แต่ผู้คนก็ยินดีให้เราถาม ตอบคำถามอย่างใส่ใจด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น ซึ่งเมื่อผมไปถึงชานชาลาหนึ่งซึ่งไปผิด
ผมถามนี่ใช่ที่ที่ต้องรถรถไฟคันนี้ไหม
ผู้คนห้าคนบริเวณนั้นเข้ามาดูตั๋วซึ่งขึ้นมาจากเซนได และก็ใช้โทรศัพท์ของตนเองเพื่อค้นหาชานชาลาที่ถูกต้อง เด็กสาวคนหนึ่งค้นเจอว่าไม่ใช่
ต้องไปอีกฟากหนึ่ง แต่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งไปถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องควบคุมให้เพื่อยืนยัน
ทุกคนดูตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนเดินทางจริงๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่ตกทอดกันมานับหลายพันปี