วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ก้อนหินทุกก้อนไม่ได้โง่
หินแต่ละก้อนก็เป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง ไม่ได้มีความฉลาดหรือความโง่
เราแข่งขันกันเพื่อให้มีความรู้มากกว่าคนอื่น เบื้องหลังความคิดนี้คืออะไร
เพราะเชื่อกันว่าเมื่อใครมีความรู้มากกว่าคนอื่นก็จะประสบความสำเร็จสูงกว่า คนอื่น เรามักมองความสำเร็จกันที่ ระดับตำแหน่ง ระดับรายได้ ชื่อเสียง จำนวนทรัพย์สิน หรือ อะไรเทือกนี้ เมื่อจดจ้องกันที่ความรู้เราก็จะแยกแยะประเภทผู้คนจากปริมาณความรู้ที่มีโดย อัตโนมัติ อาจจะแยกระดับผู้คนออกเป็นคนเก่ง ปานกลาง และ โง่ และความเชื่อที่ว่าความรู้จะนำมาซึ่งความสำเร็จก็ฝังลึกแทรกซึมไปทั่ว จนเรามองไม่เห็นความสำคัญของการมีปัญญาการใช้ชีวิต
บางครั้งเมื่อผมเล่าถึงวิถีการเรียนรู้ของลำปลายมาศพัฒนาให้คนอื่นๆ ฟังว่าเราให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างมีความสุขมากกว่าตัวความรู้ ให้เด็กได้เกิดทักษะกระบวนการคิดและกระบวนการแสวงหาความรู้ผ่านสิ่งที่เด็กๆ สนใจไม่ใช่ผ่านตำราเรียน เท่านี้ก็มักจะมีคนถามว่า “เรียนอย่างนี้แล้วเด็กจะมีความรู้เหรอ” ซึ่งคนที่ถามก็ล้วนแต่เป็นคนที่มีความรู้สูงแต่อาจจะไม่ถึงขั้นมีปัญญาการ ใช้ชีวิตอย่างแหลมคม เพราะปัญญาการใช้ชีวิตไม่ได้เกิดจากการมีความรู้มากก็ได้
กลับมามองในเรื่องปัญญาการใช้ชีวิต เราคงเห็นชัดว่านกทุกตัวตั้งแต่ฟักออกจากไข่มันก็รู้ว่าจะต้องมีชีวิตอย่างไร ทุกตัวสร้างรังแตกต่างกันแต่ประโยชน์ใช้สอยเดียวกันได้โดยไม่มีใครสอน มีชีวิตเป็นอิสระ เราจะไม่เห็นนกโง่เลยสักตัว และผมเชื่อว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับปัญญาการใช้ชีวิตแบบนี้ซึ่งเราควรบ่ม เพาะให้งอกงามมากขึ้น
ความรู้มากไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น คนจำนวนไม่น้อยจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ จากแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจและการพยายามปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทาง สังคม เรามีชีวิตที่เร่งรีบทั้งต้องแข่งขันตลอดเวลา เครียดบ่อยขึ้น หงุดหงิดง่ายขึ้น โกรธง่ายขึ้น หัวเราะได้น้อยลง นอนหลับยากขึ้น ทั้งที่ทารกหรือเด็กไม่มีอาการเหล่านี้ นั่นอาจเป็นเพราะปัญญาการใช้ชีวิตของเราถูกกดทับ
แท้จริงความรู้อาจกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราสามารถช่วยคนอื่นได้ แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้อาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราหาประโยชน์จากคนอื่นที่รู้น้อยกว่าได้เช่นกัน
เราไม่ควรปล่อยให้การใช้ความรู้อยู่บนฐานของความน่าจะเป็น แต่ต้องตระหนักให้มากว่าทุกครั้งที่ได้ให้ความรู้ต้องให้เครื่องกำกับการใช้ ความรู้ไปด้วย เพื่อให้เกิดการใช้ในทางที่ดีงามในเปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้น เครื่องกำกับความรู้ที่ว่าอย่างหนึ่งก็คือปัญญาการใช้ชีวิต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
"กลับมามองในเรื่องปัญญาการใช้ชีวิต เราคงเห็นชัดว่านกทุกตัวตั้งแต่ฟักออกจากไข่มันก็รู้ว่าจะต้องมีชีวิตอย่าง ไร ทุกตัวสร้างรังแตกต่างกันแต่ประโยชน์ใช้สอยเดียวกันได้โดยไม่มีใครสอน มีชีวิตเป็นอิสระ เราจะไม่เห็นนกโง่เลยสักตัว และผมเชื่อว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับปัญญาการใช้ชีวิตแบบนี้ซึ่งเราควรบ่ม เพาะให้งอกงามมากขึ้น "
ตอบลบชอบประโยคข้างบนมากเลยค่ะ อ่านแล้วไม่ต้องอธิบายอะไรต่อเลย ความหมายตรงตัวที่สุด โดยเฉพาะตรงที่บอกว่า
"เราจะไม่เห็นนกโง่เลยสักตัว"
เป็นแง่คิดที่เข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง งดงาม สมควรที่ผู้คนในสังคมยุคปัจจุบันควรตะหนักและเรียนรู้ เพื่อนำมาปรับใช้เพื่อลดอัตตา และความเห็นแก่ตัวลงบ้าง
ตอบลบ"ความรู้อาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราหาประโยชน์จากคนอื่นที่รู้น้อยกว่า" ด้วยเหตุนี้ใช่ไหมที่เรารีบป้อมความรู้เพื่อให้คนรู้เท่าทันกันเพื่อไม่ให้ถูกผู้ที่รู้กว่าเอารัดเอาเปรียบ
ตอบลบ"ปัญญาการใช้ชีวิต" น่าจะเป็นเงื่อนไขในการจัดการเรียนรู้ให้กับเด็ก...
ตอบลบและเห็นด้วยที่สุดค่ะ ความรู้ไม่ได้ทำให้คนมีความสุขมากขึ้นเลย หากไม่ได้ใช้ความรู้นั้นเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตน สังคม และโลก
ขอบคุณค่ะ
ความมีปัญญาในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำและทุกวัน อยากให้โรงเรียนมีแนวคิดแบบนี้ให้มาก ๆ เด็ก ๆ จะได้เรียนอย่างมีความสุข
ตอบลบ