ภายในไข่แดงคือขอบเขตของความปลอดภัย เป็นการทำงานของโหมดปกติ ด้วยความเคยชิน เป็นการดำเนินชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวันแบบไม่ต้องคิดใคร่ครวญให้มาก เช่น ตื่นนอน เราเข้าส้วม นั่งถ่าย ฉีดสายชำระ แปรงฟัน รดน้ำต้นไม ขับรถไปที่ทำงาน ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ
แต่การออกนอกเขตไข่แดง จะทำให้เราได้ไตร่ตรองครุ่นคิด เพื่อโยงสิ่งที่พบพานใหม่กับประสบการณ์ที่มี มวลประสบการณ์ทั้งหลายจะโยงใยเพื่อเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาใหม่ที่เข้ามา
เช่น ตอนที่เราไปเที่ยวทะเล เราเรียนรู้การหายใจด้วยปากเมื่อต้องใช้สน็อกเกิ้ล ความไม่เคยชินแรกๆ อาจทำให้บางครั้งสำลักน้ำ แต่เมื่อเราลองทำครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็สามารถดำน้ำดูปะการังที่สวยงามนั้นได้ ซ้ำเรายังสามารถปรับแต่งอุปกรณ์ให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วยตัวเอง ความยากก่อนหน้านั้นกลายเป็นเรื่องง่ายๆ
ลูกไก่สามารถมีชีวิตอยู่ได้สี่ห้าวันหลังจากฟักโดยไม่ต้องกินอะไร ทั้งนี้เพราะไข่แดงที่ติดตัวมา หากมันไม่หัดคุ้ยเขี่ยและจิกกินอาหารตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฟักออกมา ไม่กี่วันเมื่อไข่แดงหมดมันก็จะง่อยเปลี้ยและตายไป
โหมดอัตโนมัติ หรือ การอยู่ในไขแดงเองก็ใช้ประโยชน์สำหรับการดำรงอยู่ได้อย่างจำกัด เพราะในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอย่างยิ่งนี้ การออกจากไข่แดงอยู่เนืองๆ จะเกิดการเรียนรู้อยู่เสมอๆ นั่นจะขยายขอบเขตไข่แดงของเราเองให้กินขอบเขตมากขึ้น ซึ่งพอจะรับประกันได้ว่าเราจะยังอยู่ในโลกได้อย่างไม่ลำบาก
บทความ
การที่เราจะออกจากไข่แดงนั้นก็ไม่ใช้เรื่องง่าย เพราะการที่จะทำให้ไข่แดงขยายกว้างหรือออกจากมัน บางคนอาจจะรู้สึกว่าถ้าเราจะออกจากไข่แดงหรือทำให้มันขยาย มันจะทำให้ไข่แดงแตกเสียหายหรือเปล่า แต่จากประสบการณ์ของผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นเอง เมื่อเรากล้าแล้วค่อย ๆ คิด ใช้สติ เพียรพยายามกับมัน จะทำให้เราได้ไข่แดงที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังคงรูปสวยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันได้มากกว่าที่เราคิด มันทำให้เราเกิดแรงพยายามกับสิ่งอื่น ๆ ตามมาด้วย
ตอบลบเฉกเช่นเมล็ดพันพืช ตราบใดที่มันยังกลัวความมืดใต้พื้นดิน ไม่กล้าที่จะยั่งรากลึกลงไป มันก็จะไม่มีโอกาสได้เติบโตบนโลกใบนี้ ตรงข้าม ถ้ามันขจัดความกลัว กล้าที่จะยั่งรากลงสู่พื้นดิน ไม่นานเมล็ดพันก็จะค่อย ๆ แตกยอดอ่อนเพื่อดวดโฉมให้คนทั้งโลกได้รับรู้ แรกของการแทงยอดอาจจะมีแค่ยอดเดียว แต่ถ้ามันยังมุ่งมั่น ยอดของเมล็ดพันธุ์จะเริ่มแตกจากหนึ่ง เป็นสอง สี่ หก หรือสิบ..........ไม่มีที่สิ้นสุด
หาคนมองเพียงผิวเผิน อาจจะเห็นแค่กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ที่มันแผ่ขยายให้ร่มเงา แต่ถ้าลองมองให้ลึกลงไป เราจะเห็นว่าไม่ใช่แค่กิ่งกานใบเท่านั้นที่แผ่ขยาย แต่รากที่ยั่งลึกลงไปยังพื้นดินก็เช่นกัน เพราะมันรู้ว่า เวลาที่กิ่งก้านใบของมันแผ่ขยายกว้างออก ถ้ายังมีเพียงรากเดียวโอกาสที่ต้นไม้ทั้งต้นจะโค่นลงมามีสูงมาก ดังนั้นขณะที่กิ่งก้านใบแผ่ขยาย รากที่อยู่ใต้ดินก็ขยายตัวเพื่อให้มีรากฐานที่มั่นคงเช่นกัน
...ขอเป็นแรงกำลังอีกส่วนหนึ่ง เพื่อร่วมพัฒนา....
ขอบคุณความผิดพลาดในบางครั้งของโหมดอัตโนมัติ ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่เเตกต่าง เพื่อพัฒนาตนเองต่อไป
ตอบลบการเรียนรู้อยู่รอบตัวเรา..ขึ้นอยูกับว่าเราจะเรียนรู้กับมันหรือไม่
ตอบลบ