พลันที่เราไปถึงราวบ่ายสามโมงของวันอาทิตย์ฟ้าก็มืด
ในถนนรถราดูเชื่องช้าไปกับความหนาวเย็นระดับศูนย์องศา เป็นเมืองหลวงที่ไม่มีรถติดจริงๆ รถราง(Tram) วิ่งร่วมถนนกับรถอื่นอย่างเอ้อระเหย แต่ผู้คนกลับเดินกันอย่างรีบเร่ง
คงมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จัก Nokia และ เกม Angry Bird ก็เป็นที่คลั่งไปทั่วโลกอยู่หลายปี
นั่นย่อมน่าประหลาดใจเมื่อพบว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้เกิดจากประเทศที่มีประชากรเพียง
5.3 ล้านคน พวกเขาทำได้อย่างไร
ถ้าไม่ใช่เพราะประชากรมีคุณภาพสูงจริงๆ
คนฟินแลนด์ใช้ภาษาฟินิชและสวีดิช
แต่ส่วนใหญ่จะพูดได้สามภาษาเป็นอย่างน้อย ภาษาอื่นอาจเป็นภาษาอังกฤษ
ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน
จิตวิญญาณของชาวฟินแลนด์เรียกกันว่า SISU คือความมุ่งมั่นในการทำงานให้สำเร็จโดยอยู่บนฐานของความไว้วางใจต่อกัน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นชัดจากการจัดการศึกษาซึ่งใช้เวลาในการปฏิรูปกว่ายี่สิบปี จนกลายเป็นระบบที่เรียบง่าย เล็งผลที่ประสิทธิภาพแทนที่จะมุ่งรักษาโครงสร้างของระบบราชการไว้
รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสมมีเสียงก่ำกึ่งและผลัดเปลี่ยนกันเป็นรัฐบาลแต่ในด้านนโยบายทางการศึกษาจะไม่เคยเปลี่ยน คือมุ่งจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ และ เท่าเทียมกัน ไว้วางใจต่อกัน ท้องถิ่นหรือเทศบาล
เทศบาลก็จัดให้มีโรงเรียนกระจายเพื่อให้นักเรียนทุกคนสามารถเดินไปโรงเรียนได้ มีห้องเรียนที่อบอุ่น มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหมือนกัน และยังต้องสนับสนุนให้ทุกโรงเรียนมีคุณภาพเหมือนกัน
โรงเรียนค่อนข้างอิสระ
ผู้บริหารไว้วางใจต่อครูเพราะทุกคนได้ผ่านกระบวนการพัฒนาอย่างมีคุณภาพมาแล้ว ครูมีอิสระที่จะเลือกหรือผลิตหนังสือ สื่อ
ตามที่เห็นสมควรโดยรัฐเป็นผู้จ่ายให้ เราจึงจะเห็นครูฟินแลนด์ใช้หนังสือของตนเอง
ใช้เว็ปไซด์เพื่อการสอนของตนเอง และกฎหมายลิขสิทธิ์ก็เข้มแข็ง
เพราะรากฐานที่มาจาก SISU ด้วย
ฟินแลนด์ไม่มีระบบตรวจสอบโรงเรียนจากภายนอกมานานกว่า 20 ปีแล้ว และเด็กๆ
จะมีการทดสอบระดับชาติเพียงครั้งเดียวคือตอนที่จบการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี (อายุ 16 ปี)
และตลอดเวลาที่เรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กจนจบปริญญา รัฐจะเป็นคนจ่ายค่าอุปกรณ์การเรียนและหนังสือให้ทุกคน
ให้อาหารกลางวัน ให้บริการสุขภาพ แม้แต่ดัดฟันยังให้ฟรี
การเรียนการสอนแบ่งเป็นปีละ 2 ภาคเรียน
รวมทั้งปี 188 วัน วันละ 4-6 ชั่วโมง(20-30 ชั่วโมง/สัปดาห์) เด็กนักเรียนต่อห้อง 12-20 คน ครู 2-3 คน บางห้องเรียนที่มีเด็กเพียงสองคน
รัฐยังต้องจัดทุกอย่างให้มีคุณภาพเท่าเทียมกัน
เด็กแรกเกิดถึงหกขวบรัฐจะสนับสนุนให้มีการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการให้อย่างดี มีศูนย์เด็กเล็กทั้งของรัฐและของเอกชนอย่างเพียงพอ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกเองรัฐก็จัดงบประมาณให้ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนสามารถให้ลาเลี้ยงดูลูกโดยรับเงินเดือนได้เป็นปีและลาต่อได้จนลูกอายุถึงสามขวบ
เราเข้าพักที่ Sokos Hotel กลางเมือง โรงแรมที่เกือบทุกห้องพักประดับภาพ มาริลิน มอนโร ที่กำลังเต้นรำคู่กับชายคนหนึ่ง เจ้าของคงมีใจกับภาพนั้น
เย็นนั้นเรากินสเต็กปลาที่ร้านอาหารของโรงแรมตามคำแนะนำของไกด์ที่บอกว่าตอนนี้คือฤดูกินปลา ปลาแซลมอนและปลาอื่นๆ ในตระกูลเดียวกันยังมีชุกชุมตามธรรมชาติ ที่ฟินแลนด์ยังขึ้นชื่อว่ามีบึงน้ำจืดมากกว่าหมื่นแห่ง และผู้คนที่นี้ชอบกินปลาน้ำจืดมากเสียด้วย
ที่นี่เข้มงวดมาก ห้ามขายเหล้าแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ในร้านอาหารจะขายเฉพาะเบียร์หรือ ไซเดอร์(น้ำผลไม้ที่หมักคล้ายเบียร์มีแอลกอฮอล์3-4ดีกรี) เหล้าและไวน์ซึ่งมีดีกรีสูงจะมีขายในร้าน Alko เท่านั้น ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ขายเหล้า เราจะไม่เห็นขายเหล้าหรือไวน์ในมินิมาร์ทหรือร้านทั่วไป
วันนั้นเราเลยดื่มเบียร์กันคนละแก้วด้วยหวังว่าคืนนี้จะหลับกันอย่างสนิท เพราะถ้าที่นี่สามทุ่มที่เมืองไทยคงราวตีสองนั่นหมายถึงใกล้เวลาตื่นจริง(ตีสาม)ของชีวิตปกติผมแล้ว
ก่อนนอนผมนึกถึงคำหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว "ราตีสนด้วน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น