ติดตามเรื่องราว

..เรียนรู้ จากความยาก..-
บางทีการทำให้เส้นทางสู่ความจริงคดเคี้ยวมากขึ้นสักหน่อยเพื่อให้เกิดระทางที่ยาวไกลขึ้นอาจจะเป็นสิ่งดีสำหรับชีวิตที่ต้องการเวลากับการค้นหาความหมาย นั่นล่ะ -PBL




วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สุขวาระ "อาหาร"

ในภาวะบีบคั้นทางเศรษฐกิจของผู้คนในสังคมปัจจุบันนี้ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต ดังนี้

1.  วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป  เรามีวิถีชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ  มากขึ้น เช่น  ชาวไร่ชาวนาทำงานแบบออกแรงน้อยลงเพราะเครื่องจักรทำงานแทน  คนทั่วไปนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ยาวนาน  เด็กๆ นอนดูที่วียาวนานขึ้น  วิถีชีวิตแบบนี้ทำให้มีโอกาสเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายน้อยลง

2.  วิถีการกินเปลี่ยนไป เช่น  กินเยอะขึ้น กินอาหารมีพลังงานสูงทีได้จากแป้ง น้ำตาล และไขมันเป็นส่วนประกอบ  ประกอบกับกินผักหรืออาหารที่มีเส้นใยน้อยลง

(ข้อมูลจากนิตยสารหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 345 ระบุว่า เด็กอายุระหว่าง  6-13 ปี ต้องการพลังงานวันละ  1,600  กิโลแคลอรี่ แต่ผลการสำรวจพบว่า เด็กไทยเกือบทั้งหมดได้รับพลังงานเกินความต้องการอย่างมาก)


จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้คนมีน้ำหนักมากขึ้น เป็นโรคอ้วนกันมากขึ้น

โรคอ้วน  หรือ  ภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน  จากการสำรวจล่าสุดพบว่าคนไทย  1 ใน 4  เป็นโรคอ้วน  ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆ สูงขึ้น  เช่น  เบาหวาน  ความดันโลหิตสูง  ภาวะหัวใจโต  ปวดหลัง  เส้นเลือดขอด  ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ ฯลฯ  ในที่สุดก็จะนำมาสู่ความทุกข์


โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาจึงมีเป้าหมายที่แน่ชัดว่าต้องการบ่มเพาะผู้เรียนให้เกิดทักษะชีวิต "อยู่เป็น"  หมายถึงการมีวิถีการดำรงชีวิตสั้นๆ บนโลกได้อย่างมีความสุข  โรงเรียนฯ ตระหนักในปัญหาที่กล่าวมาเบื้องต้น  จึงกำหนดให้  อาหาร”  เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของโรงเรียนฯ

สุขวาระ "อาหาร"  2555

โรงเรียนฯ จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดอุปนิสัยการกินเพื่อความมีสุขภาพดีได้แก่

1. ลดหวาน  น้ำตาลเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำเกิดโรคอ้วน มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ แต่ในปัจจุบันเด็กได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นจากการบริโภคน้ำอัดลม น้ำหวาน ลูกอม ผลไม้ที่มีรสหวานจัด ขนมหวาน โดนัท มันฝรั่งทอดแบบแผ่น ขนมปังแคร๊กเกอร์ ขนมคุ๊กกี้ ฯลฯ ซึ่งล้วนทำจากแป้งและน้ำตาล น้ำตาลจะไปขัดขวางการดูดซึมของโปรตีน และสารอาหาร เป็นสาเหตุที่ทำลายการทำงานที่ดีของสมอง โดยปกติผู้ใหญ่ไม่ควรกินน้ำตาลวันละ 6 ช้อนชา (24  กรัม)  ส่วนเด็กไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 4 ช้อนชา / วัน  ดังนั้นทางโรงเรียนฯ จึงจะลดอาหารที่มีรสหวานในโรงเรียน เช่น ของหวาน ผลไม้รสหวาน

2. ปลอดภัย  การเลือกบริโภคอาหารที่ไม่ใช้สารกันบูด ไม่เพิ่มสารเพิ่มรสชาติ ไม่ผสมโซเดียมในเตรต ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำมากๆ โดยเฉพาะฮ็อตดอก หมูเบคอน ใส้กรอก หรือลูกชิ้นตามท้องตลาด เด็กไม่ควรทานเกิน 12 ชิ้นต่อเดือน เพราะใส่สารโซเดียมไนเตรตมาก  ดังนั้นทางโรงเรียนฯ จึงมีวิธีการ
- เพิ่มการผลิตอาหารเองภายในโรงเรียน เช่น พริก ผักพื้นบ้าน ไก่เนื้อ ปลาดุก หมู ฯลฯ
- ลดอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น แตงโม ลำไย องุ่น ฮ็อตดอก ใส้กรอก กุนเชียง ลูกชิ้นตามท้องตลาด ฯลฯ
- ให้ครู นักเรียน พนักงานทุกคนได้เรียนรู้ ในการตรวจสอบสารอันตราย เช่น สารโซเดียมไนไตรท์ และโซเดียมไนเตรท (ดินประสิว) บอแรกซ์ (ผงกรอบ) สารฟอกขาว ฟอร์มาลีน และการใช้น้ำมันทอดซ้ำ
- ส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีการผลิตวัตถุดิบ เครื่องปรุงในการประกอบอาหารปลอดภัยได้เอง

3. ได้คุณค่า ส่งเสริมให้ได้รับประทานอาหารที่หลากหลาย  มีคุณค่าทางโภชนาการ หารับประทานได้ง่ายในท้องถิ่นตามฤดูกาล  ดังนั้นทางโรงเรียนฯ จึงมีวิธีการจัดอาหารให้นักเรียนได้รับประทาน
  • กล้วยน้ำหว้า 1 ลูก/สัปดาห์
  • ข้าวกล้องอย่างน้อย 2 ครั้ง /สัปดาห์
  • ประกอบอาหารที่มีผักหลากหลายมากขึ้น เช่น แกงเลียง แกงอ่อมฟักทอง ผัดผัก ผัดบวบใส่ไข่  แกงจืดตำลึง เป็นต้น
          - การวางแผนเมนูอาหาร มีการวางแผนล่วงหน้า  1  สัปดาห์ และเกิดจากหลายคนช่วยดูและให้คำแนะนำ 
        - สายงานการผลิต  ผลิตวัตถุดิบในโรงเรียน  เช่น  ปลา  ผัก  ข้าว
            ซื้อหรือหาวัตถุดิบ  สะอาด  ปลอดภัย
            เช็คสต๊อกทุกวัน (ของสด  ของแห้ง)
            รายงานค่าใช้จ่ายเป็นปัจจุบันทุกๆ สัปดาห์
            มีการสุ่มตรวจการจัดซื้อทุกๆ สัปดาห์
            มีมาตรการสุ่มตรวจสต๊อกทุกๆ สัปดาห์
         - จัดซื้อชุดอุปกรณ์และตรวจสารปนเปื้อน เช่น สารโซเดียมไนไตรท์ และโซเดียมไนเตรท (ดินประสิว) บอแรกซ์ (ผงกรอบ) สารฟอกขาว ฟอร์มาลีน น้ำมันทอดซ้ำ  น้ำส้มสายชูปลอม ตรวจสอบเป็นประจำ/สม่ำเสมอ
         - มีทางเลือกหลายแบบในการประกอบอาหาร
                 -  โดยครัวโรงเรียนฯ
                 -  โดยนักเรียนห่อข้าวมามากินเองพร้อมกันทุกคน วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม 2555 และวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน
                 -  โดยผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการประกอบอาหาร (วันที่11-15 มิถุนายน 2555)
                 -  โดยผู้รับจ้างหรือรับเหมาภายนอก

4. พอดี เพื่อฝึกอุปนิสัยในการกินให้พอดี ทางโรงเรียนฯ จึงใช้วิธีการตักอาหารให้นักเรียน และเติมได้ตามความเหมาะสม มีเวลาประมาณ  20 นาที ในการจดจ่อและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ

5. สร้างชุมชนการเรียนรู้ สุขวาระ "อาหาร"  ครู นักเรียน ผู้ปกครองในชุมชนตระหนักเห็นความสำคัญของวิถีการกินอยู่เพื่อสุขภาพ โดยการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จัดนิทรรศการ จักการสื่อสารหลากหลายช่องทาง เช่น Facebook จดหมายข่าว จัดกิจกรรมให้มีการทำงานร่วมกันทุกฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ
แนวดำเนินการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น